สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com

ธรรมสำหรับการครองเรือน

 

เรื่องที่ ๒๑ เรื่อง ธรรมสำหรับการครองเรือน

วันนี้พวกเราก็ได้มาทำบุญในวันมงคลแห่งชีวิตของพวกเราเรียกว่า วันแต่งงานหรือวันวิวาห์ของเรา พวกเราก็ถือว่าเป็นชาวพุทธได้เกิดมาตามทะเบียนบ้าน พ่อแม่เราก็นับถือพระพุทธศาสนากันมาตั้งแต่ปู่ย่าตายายมาหลายพันปีแล้วจนมาถึงรุ่นเรานี้ เราก็นึกถึงการทำบุญทำทานเมื่อเราทำบุญทำทานแล้วเราก็ต้องทำกุศลด้วย คำว่า บุญ คือความอิ่มใจความสบายใจ  คำว่า กุศล คือความฉลาด (ความฉลาดที่ทำให้ชีวิตคู่ของเราประสบความสำเร็จ) พระพุทธเจ้าทรงประกาศธรรมคำสั่งสอนบอกให้พวกเรานำไปประพฤติปฏิบัติ พวกเราเป็นฆารวาส (ญาติโยม) ที่ยังครองเรือนอยู่มีหน้าที่การงานอยู่ พระพุทธเจ้าบอกว่า ชีวิตของเรานี้ต้องมี สัจจะ (ความจริงใจ พูดอะไรต้องทำตามนั้น) ถ้าคนไหนมีสัจจะจะพูดโกหกไม่ได้ จะมีความอาจหาญทั้งในตนเองและในชุมชนเพราะฉะนั้นสัจจะจึงเป็นคุณสมบัติของความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งกายและใจ ถ้าไม่มีสัจจะแล้วมนุษย์ก็ไม่มีคุณค่าอะไร ไม่ต่างอะไรกับสัตว์เดรัจฉานทั่ว ๆ ไป มนุษย์ควรสร้างสัจจะให้เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของเราแล้วจะเป็นผู้ประเสริฐทั้งกายวาจาใจเท่านั้นก็ยังไม่พอ

พระพุทธเจ้าบอกว่า ให้รู้จัก ขันติ (ความอดทน การข่มใจตนเองไว้เวลาเกิดความโลภความโกรธความหลง ความยินดียินร้าย ความไม่พอใจต่าง ๆ) เพราะการเป็นชีวิตคู่ย่อมมีการกระทบกระทั่งกันเพราะฉะนั้นเราจึงต้องมีความอดทน คนนี้ขึ้น (โกรธ) อีกคนก็ต้องลง (อดทน) ผ่อนสั้นผ่อนยาวรู้จักการข่มใจของเราไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้จะทำให้ชีวิตของเราประสบความสำเร็จทั้งในปัจจุบันและในอนาคต เราเป็นครอบครัวแล้ว ความคิดความอ่านของเราที่แต่ก่อนเคยอิสระนี้ (คิดคนเดียว) อย่างนี้ไม่ได้แล้วเราต้องเอาใจเขามาใส่ใจเรา ในเมื่อเรายอมรับแล้วว่าจะเป็นชีวิตคู่ (ชีวิตคู่ก็ไม่เป็นอิสระ) ต้องปรึกษาร่วมกันมีความเห็นตรงกันถึงทำในสิ่งเหล่านั้นแต่ถ้าเราไม่มีการข่มใจก็จะทะเลาะเบาะแว้งกันเถียงกันด้วย ไม่จบ การเถียงกันด้วยทิฐิมานะ (ความคิดว่าเราดีกว่าเขา ๑ เราเสมอเขา ๑ เราเลวกว่าเขา ๑) จะทำให้ชีวิตของเราไม่ประสบความสำเร็จเลย เพราะฉะนั้นการข่มใจจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ทำให้เราเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานและชีวิตคู่ด้วย เพราะฉะนั้นเราก็ต้องมีขันติความอดทนอดกลั้นต่อสิ่งต่างๆที่จะเข้ามาในชีวิตประจำวันของเรา ถ้าเรามีจุดหมายปลายทางที่ถูกต้องเราก็จะมีขันติอดทนในการกระทำตามจุดหมายปลายทางในการกระทำที่เราตั้งไว้ เช่น เรามีจุดหมายปลายทางว่าเราจะมีชีวิตคู่กันนะเราจะรักกัน มีความเข้าใจกันอาจจะอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่าเรา เมื่อเรามีจุดหมายปลายทางแล้วเราก็ต้องดำเนินชีวิตของเราให้ตลอดรอดฝั่งให้ได้ (ตรงนี้สำคัญ)

แต่ถ้าเราไม่มีจุดหมายปลายทางที่แน่นอนไม่มีขันติ (การอดทน) ที่จะเดินทางร่วมกันแล้ว โอกาสที่จะทำให้ผิดใจกันมันก็มีง่ายขึ้น เพราะฉะนั้นขันติจึงเป็นคุณธรรมอีกข้อหนึ่งที่เราจะต้องสร้างขึ้นให้เกิดขึ้นเกิดมีเกิดเป็นในใจของเราให้ได้ ถ้าเราไม่สร้างมันก็จะเกิดขึ้นไม่ได้หรอกแต่ถ้าเราสร้าง มันก็จะเกิด การสร้างขันติจึงเป็นสิ่งที่เราต้องใช้สติปัญญาของเราในการพินิจพิจารณาสิ่งต่าง ๆ ที่มาเกี่ยวข้องในชีวิตประจำวันของพวกเรา ให้เกิดขึ้นว่าขันตินี้มีความจำเป็นที่พวกเรานี้จะต้องพยายามประคับประคองให้มีทีละเล็กทีละน้อย ทุกวันนี้ขันติของประชาชนในเยาวชนนี้มันน้อย ไม่ค่อยมีขันติกันเท่าไหร่ ส่วนใหญ่ทำตามความรู้สึกทำตามใจกันไปเลยจึงทำให้ชีวิตของพวกเขาไม่ประสบความสำเร็จ สุดท้ายควรมี จาคะ (การเสียสละแบ่งปัน) เรามีอะไรเราก็ต้องแบ่งปันเพราะทุกทีเราทานคนเดียว ตอนนี้เรามีชีวิตคู่เราจะทานอะไรเราก็ต้องคิดถึงอีกฝั่งหนึ่งเหมือนกันเราจะซื้ออะไรทุกทีเราซื้อชิ้นเดียวต่อไปเราก็ต้องซื้อสองชิ้นแล้วก็ต้องคิดถึงพ่อแม่ของผู้หญิง พ่อแม่ของผู้ชาย ญาติผู้ใหญ่เราจะต้องมีความเคารพคารวะมีความเผื่อแผ่ออกไป อย่ามีความตระหนี่ถี่เหนียวนั้นไม่ได้ อีกทั้งจาคะจะเป็นสิ่งสำคัญที่เราต้องสละออกไป (สละความโลภ ความโกรธ ความหลงออกไป สละความเห็นผิดต่าง ๆ ออกไป) การที่เรามีจิตใจที่เผื่อแผ่ อันนี้เป็นธรรมของฆารวาสที่จะทำให้ฆารวาสอยู่ด้วยความสงบ

แล้วยังมีธรรมของคู่ครอง คู่ครองควรจะมีธรรมอะไรอันดับแรกเราต้องมี ศรัทธา (ความเชื่อ) เสมอกัน ถ้าเรามีศรัทธาในเรื่องใดเสมอกันมันจะไม่ทะเลาะกันอีก แต่ถ้าคนหนึ่งศรัทธาอีกคนไม่ศรัทธา (ไม่ว่าจะศรัทธาในอะไรก็ได้) เช่น อีกคนศรัทธาในพระพุทธศาสนาอีกคนไม่ศรัทธา อย่างนี้คือไม่เสมอกัน ผลก็จะทำให้วุ่นวาย หรือว่าอีกคนศรัทธาในการทำงานชนิดนี้แต่อีกคนไม่ชอบก็ทำให้ทะเลาะกัน หรืออีกคนหนึ่งก็มีความเชื่อว่าทำสิ่งนี้ดีแต่อีกคนเชื่อว่าทำสิ่งนี้ไม่ดี เป็นต้น เพราะฉะนั้นเราต้องปรับความศรัทธา (ความเชื่อ) ให้เสมอกันก่อนถ้าความเชื่อมันเสมอกันแล้วการดำเนินชีวิตนี้มันก็ไม่ยากแต่ถ้าความเชื่อความศรัทธามันไม่เสมอกันแล้วมันยากเหมือนกัน เพราะฉะนั้นศรัทธาจึงเป็นตัวหนึ่งที่เราต้องสร้างแล้วนะชีวิตคู่ของเราจะได้ประสบความสำเร็จ

ข้อที่สองคือ ศีล เราต้องมีศีล ๕  (ศีล ๕ นี้จะทำให้จิตใจของเราเป็นมนุษย์สมบูรณ์ทั้งกายและใจ) แต่ถ้าเราไม่มีศีล ๕ เราจะเป็นแค่คนเท่านั้นแค่คนมันวุ่นวาย ถ้าต่ำมาก ๆ ไม่มีซักข้อก็กลายเป็นสัตว์ (ร่างกายเป็นมนุษย์แต่จิตใจเป็นสัตว์เดรัจฉาน) เพราะฉะนั้นศีล ๕ จะทำให้ทั้งร่างกายของเราเป็นมนุษย์และจิตใจของเราก็เป็นมนุษย์ด้วย เพราะฉะนั้นเราสองคนศีลต้องเสมอกันต้องมีศีลเสมอกันถึงจะทำให้จิตใจของเราบริบูรณ์สมบูรณ์มาก แต่ถ้าศีลไม่เสมอกันนี่จะวุ่นวาย คือ ไม่ไว้ใจซึ่งกันและกันแต่ถ้าศีลเสมอกันศีล ๕ เสมอกันมีความเข้าใจในเรื่องศีลเหมือนกันพอใจในการรักษาศีลก็คือจบ (ไม่วุ่นวาย ไว้ใจกันและกัน) แต่ถ้าเราไม่พอใจ ไม่สร้างศีลให้เกิด ศีลก็ไม่เกิดขึ้น ถึงแม้ว่าเราสมาทานไปแล้วทั้ง ๕ ข้อ มันแค่เราพูดตามพระเท่านั้น (พระเป็นผู้บอกศีลว่ามีอะไรบ้าง มีผลอย่างไรบ้าง) เราต้องนำไปประพฤติปฏิบัติด้วยมันถึงจะเกิด ต่อไปก็เป็น การทำทาน ถ้าเราทำทานมีทานเสมอกัน คือคนหนึ่งทำอีกคนหนึ่งก็โมทนา แต่ถ้าคนหนึ่งทำอีกคนตระหนี่ถี่เหนียวนี่ก็ไม่ได้นะ (ทานก็ต้องเสมอกัน) ตัวสุดท้ายก็คือ ปัญญา คือต้องมีสติปัญญาเสมอกันมีความคิดเห็นเสมอกันมีความฉลาดเสมอกันถึงจะทำให้ชีวิตของเรานี้เป็นชีวิตคู่ที่สมบูรณ์ที่สุด

ฉลาดอย่างไร ? เช่นกรณีที่อีกคนโมโหเราก็อย่าโมโหตอบ อีกคนมีความคิดเห็นที่ผิดเราก็จะไม่ทำ (เช่น อีกคนก็พยายามนิ่งไว้ เรามีปัญญามีความฉลาดในการพูดกัน การคิดกัน) เราอยู่ด้วยกันความคิดเห็นมันจะตรงกันเสมอกันเป็นไปไม่ได้หรอก แต่เราสามารถปรับความคิดเห็นที่ไม่เสมอกันให้มันยอมกันได้ คือ คนหนึ่งต้องยอมคนหนึ่ง อย่างเช่นเราเป็นผู้ชายก็ยอมมันไปซะจะได้จบ (จะอะไรก็แล้วแต่จะเอาไงก็จบเท่านั้น) ถึงเราจะเป็นผู้ชายก็ตามแต่บางอย่างเราก็ต้องยอมในฐานะที่ว่าเรายอมรับเขา ในเมื่อเรายอมรับเขาเป็นเจ้าสาวก็คือเป็นเจ้าสาวตลอด เราเป็นเจ้าบ่าวก็เป็นบ่าวรับใช้ไปตลอดเหมือนกัน (ที่โบราณตั้งไว้ก็ถูกต้องแล้ว) เพราะฉะนั้นผู้หญิงก็ให้เกียรติผู้ชาย ผู้ชายก็ให้เกียรติผู้หญิง มีอะไรก็พูดกันปรึกษากัน เรื่องส่วนตัวก็พูดกันที่บ้านแล้วกัน ในที่ทำงานหรือในสังคมนี้ก็ต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน (กาลเทศะอันนี้สำคัญมาก) เพราะฉะนั้นวันนี้พวกเราก็ถือว่าโชคดีแล้วได้มีโอกาสชีวิตที่จะอยู่เป็นคู่กันจะทำให้เราเป็นผู้ใหญ่ขึ้น โตขึ้น รับผิดชอบมากขึ้น มีความอดทนมากขึ้น ให้พวกเรานี้นำธรรมะที่อาตมาให้ไปพินิจพิจารณาและพยายามปฏิบัติ ชีวิตคู่ของเราก็จะประสบความสำเร็จตลอดไปแน่นอน ขอให้พวกเรามีความสุขความเจริญตลอดกาลนานเทอญ.

---------------------------

view