สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com

เรื่อง สิ่งที่ควรรู้

 

เรื่อง สิ่งที่ควรรู้

ในความรู้เรื่องราวต่าง ๆ เก็บไว้เป็นความจำ มันเลยคิดปรุงแต่งไปมากมาย ถ้าเราได้เคยไปเที่ยวประเทศลาว หรือประเทศอะไรก็ตามถ้าเราเคยไปเที่ยวเราก็จะเรื่องปรุงแต่งเรื่องอดีตที่เราเคยไปยืนตรงโน้น ณ ประเทศนั้นจริง ๆ สมมติว่าเรานึกประเทศทิเบต โอ้เราไม่เคยไปทิเบตเลยมันเกินกว่าที่เราจะนึก จิตนี่ไงจิตนี่ที่เป็นผัสสะทั้งรูปและนามนึกถึงรูปในประเทศทิเบตที่มันเป็นเกี่ยวกับเรื่องราวต่าง ๆ ก็ดี สัตว์ก็ดี นึกถึงการแต่งตัวของประชาชนชาวทิเบต นึกถึงพระทิเบต นึกถึงว่าเขาอยู่ในหิมะแต่ก็ไม่สามารถนึกสภาพจริงได้ เพราะเราไม่เคยไป มันต่างกับประเทศที่เราเคยไปเรานึกประเทศไหนที่เราเคยไปมันนึกได้ง่ายเราก็ไปอยู่ตรงนั้น อย่างประเทศจีนเมืองที่เราเคยไปเราก็จะระลึกถึงได้ตรงไหนที่เราเคยไปแล้ว ตรงไหนที่เราไม่ได้ไปเราจะนึกเป็นรูปแผนที่บ้าง คิดปรุงแต่งบ้าง เทียบเคียงบ้าง

จิตใจ คือผู้รู้ นี้มันเร็วกว่าที่เราคิดมากมายเราจึงต้องมาระลึกรู้ใหม่ พระพุทธเจ้าท่านบอกว่าให้มาระลึกรู้อยู่ที่ลม ลมหายใจ หายใจเข้าเราก็รู้ หายใจเข้าอยู่นะ หายใจออกเราก็รู้ว่ากำลังหายใจออกอยู่ เราหายใจเข้าก็รู้ หายใจออกก็รู้ แต่สุดท้ายมันก็มารวมอยู่ ผู้รู้ของเรา จิตใจของเรามันก็วิ่งไปตามสัญญาอารมณ์มากมาย คิดปรุงแต่งในความรัก ความพอใจ-ไม่พอใจ ความโลภ ความโกรธ ความหลงเกิดเป็นตัวเป็นตนเป็นเราเป็นเขาไปหมด จิตไม่สงบ เราก็มาโทษว่าที่นี่วุ่นวาย ที่นี่ไม่สงบ จริง ๆ จิตของเรามันไม่ฉลาดมีความเห็นผิด ถ้าเรามีความเห็นที่ถูกต้องว่าการระลึกอยู่ที่ลมนี้มันเป็นสิ่งที่ดี มันทำให้พวกเราฉลาดขึ้นมีปัญญา เพราะจิตที่อยู่ในปัจจุบันนี้มันจะสำเร็จประโยชน์ เหมือนกับการทำงานถ้าจิตใจของเราว้าวุ่นอยากให้มันเสร็จ จะไปทำนี่ต่อ จะไปทำโน้นต่อ จนเราไปทำก็คิดแหลกเลยทีนี้ทำอะไรมันก็ผิดหมดละ ทีนี้อยากเร็วก็กลับช้าเพราะใจของเรามันเร็วมากแต่สติของเรามันเร็วไม่ทันมันเลยมั่วไปหมดเลยทีนี้ จะได้งานกลับเสียไปหมดมันก็กลับเครียดไปหมด เครียดขึ้นไปอีกนี่เพราะเราไม่เข้าใจในจิตใจ

จิตใจไม่ตั้งมั่นในเรื่องราวที่เราต้องการให้มันตั้งมั่นอยู่ แต่ถ้าเรามีสติ ก็เคลื่อนไหวไปในการงานของเรา จะหยิบกระดาษก็รู้ หยิบปากกาก็รู้ ลุกขึ้นก็รู้ นั่งลงก็รู้ กดคอมพิวเตอร์ก็รู้ บางทีเรื่องราวต่าง ๆ ก็รู้ จะสังเกตดูซิว่าเราทำงานนี้ เราก็สามารถทำได้และก็คิดไปด้วยคิดไปเรื่องราวต่าง ๆ ได้มากมาย มันเลยทำให้จิตใจของเรานี้ทำงานไม่เกิดความสงบ เกิดความฟุ้งซ่านเพราะเราอยู่ในหลายอารมณ์มาอยู่ในอารมณ์เดียว ถ้าเราอยู่ในอารมณ์เดียวเราพิมพ์คอมพิวเตอร์อย่างนี้มาอยู่ในอารมณ์เดียว เขียนข้อความเรื่องราวต่าง ๆ จนมันติดต่อ การพูดคุยโทรศัพท์มีสติระลึกรู้ไปด้วยถ้าจบเรื่องราวนั้นก็จบมันจะไม่ปรุงแต่งต่อ แต่ถ้าเราปล่อยจิตใจให้ล่องลอยไปคิดไปเรื่อย ๆ ทำงานเรื่องนี้ คิดไปเรื่องโน้นคิดไปไม่จบ การทำงานก็ยิ่งคิดไปเรื่อย ๆ ไม่สงบซะทียิ่งคิดมากความร้อนมันก็มากแต่ก็คิดไป ก็เกิดความรู้สึกที่เป็นตัวเราเป็นตัวเขามีถูก มีผิด มีดี มีชั่ว มีชอบ มีชัง

จิตของเรานี้ไหลลงไป ผู้รู้ของเราไหลลงต่ำไปสู่ความทุกข์เราเลยต้องมานั่งสมาธิมาฝึกนั่งสมาธิ 1 วัน 2 วัน จะให้มันสงบเลยนี้มันก็ยาก เพราะเราปล่อยจิตปล่อยใจของเรามานาน เอาแค่วันนี้เราก็ปล่อยใจมาเยอะตั้งแต่ตื่นนอนมาเราก็คิดปล่อยใจ ปกติเราต้องตามรักษาด้วยตามรักษาผู้รู้ของเราจะดูอะไรก็มีผู้รู้ดูด้วยไม่ใช่ว่าดูอะไรก็ล่องลอยปล่อยไปจิตใจของเราเลยฟุ้งซ่านจะทำความเพียรหรือทำความสงบก็ยากเพราะเราไม่สำรวมภายในของเรา ตอนนี้เราก็ต้องวางไว้ก่อน ในเรื่องราวอดีตที่ผ่านมาแล้วเราก็วางยังไม่ต้องการคิด อนาคตเราก็วางไว้ก่อนตอนนี้เราจะปฏิบัติจิตใจของเราใหม่ ถ้าเราไม่ปฏิบัติจิตใจของเราใหม่ความรู้สึกนึกคิดใหม่ ๆ ก็ไม่เกิดขึ้นมันก็คิดวนทับของเก่าวนไปวนมาไม่ออก ไม่ออกจากกองทุกข์ได้

เราต้องมาคิดใหม่คิดอยู่ที่ลมหายใจ หายใจเข้าเราจะบริกรรมว่า พุท หายใจออกเราจะบริกรรมว่า โธ ก็ได้ พุทโธ หรือคำว่าพุทธะ แปลว่าผู้รู้ ผู้เบิกบาน เป็นนามของพระพุทธเจ้า เมื่อเราระลึกรู้อย่างนี้จิตใจของเราก็จะไม่ไหลไปในอดีตในอนาคต เราต้องใช้ความเพียรพยายาม อย่าบังคับอารมณ์ อย่าไปบังคับให้มันระลึกรู้ อย่าไปกดจิต ถ้ามันวุ่นวายมาก ๆ ก็กลั้นลมหายใจซักพักหนึ่งหายใจเข้า-ออกลึก ๆ ซัก 2-3 ครั้ง และก็ตั้งสติใหม่

สติ คือการระลึกรู้ ถ้าเราระลึกรู้อยู่ตรงนี้สติก็อยู่ เราระลึกรู้อยู่ที่ลมหายใจกับคำบริกรรมว่า พุท-โธ ถ้าเราออกไประลึกรู้อย่างอื่นแสดงว่าสตินี้มันไม่อยู่ที่เราตั้งใจแล้ว แปลว่าเราขาดสติแล้วแต่เราก็ต้องพยายามตั้งพยายามต่อ ถ้าตั้งด้วยต่อด้วยให้มันต่อเนื่องด้วยจิตก็จะห่างจากสัญญาอารมณ์อดีต-อนาคตบ้าง เข้ามาอยู่กับที่อารมณ์ปัจจุบันนี้ หายใจเข้า พุท หายใจออก โธ นี้ แค่นี้เป็นสิ่งที่ทำยากแต่ถ้าเมื่อเราทำไปแล้วมันจะมีผลหรือมีอานิสงส์ผลที่จะได้รับนี้ คือจิตเกิดความสงบ พระพุทธเจ้าตรัสว่า จิตที่สงบดีแล้วจะย่อมนำความสุขมาให้ มันจะจริงไหมเราก็ต้องพิสูจน์พิสูจน์การกระทำของเรานี้ ก็พยายามตั้งใจ ๆ ให้มั่นอยู่ทีอารมณ์เดียว เดี๋ยวอาตมาจะให้สัญญาณระฆังเลิกตั้งใจกัน.

----------------------

view